วันที่นำเข้าข้อมูล 31 ต.ค. 2565
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 27 ม.ค. 2566
เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๕ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ
ได้จัดงานเสวนาทางวิชาการ
หัวข้อ“ย้อนอดีต แลอนาคต:ถอดบทเรียนจากสนธิสัญญาไมตรีสำหรับการต่างประเทศของไทย”
ณ ห้องนราธิป กระทรวงการต่างประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอผลการดำเนินโครงการ
ประเมินคุณค่าเอกสารประวัติศาสตร์ด้านกฎหมายระหว่างประเทศของกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย
ที่มีอายุตั้งแต่ ๒๐ ปีขึ้นไปซึ่งทำให้ค้นพบเอกสารประวัติศาสตร์ที่มีคุณค่าและประโยชน์
ต่อการศึกษาเรียนรู้จากอดีตเพื่อเชื่อมโยงสู่ปัจจุบันรวมทั้งยังเป็นองค์ความรู้ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้
ในการดำเนินแนวนโยบายต่าง ๆ ให้เป็นประโยชน์ต่อทั้งปัจจุบันและอนาคตได้โดยหนึ่งในเอกสาร
อันมีค่านั้นคือ “เอกสารเกี่ยวกับการเจรจาจัดทำสนธิสัญญาไมตรี การพาณิชย์และการเดินเรือ”
ที่ทำให้ทราบถึงแนวปฏิบัติการเจรจาจัดทำสนธิสัญญาและการดำเนินความสัมพันธ์ของไทย
กับต่างประเทศในอดีตโดยสามารถนำมาถอดบทเรียนในการกำหนดทิศทางการต่างประเทศของไทย
งานเสวนาทางวิชาการครั้งนี้ กรมสนธิสัญญาและกฎหมายได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ
จากสาขาวิชาต่าง ๆถึงสี่ท่านเข้าร่วมถอดบทเรียนจากสนธิสัญญาไมตรีฯ
โดยวิทยากรท่านแรก คือรศ. ดร. ปรีดี พิศภูมิวิถี อาจารย์ประจำสาขาวิชาประวัติศาสตร์
คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม
จากการทำสนธิสัญญาไมตรีฯกับประเทศมหาอำนาจตั้งแต่สมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์
ที่นำมาซึ่งความเจริญของประเทศ อาทิ สยามได้พัฒนาเส้นทางคมนาคมและระบบสาธารณูปโภค
ภายในประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าเพื่อรองรับการทำการค้ากับประเทศมหาอำนาจตะวันตก
วิทยากรท่านที่สอง ดร. อนุสนธิ์ ชินวรรโณ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการต่างประเทศ
ได้แสดงทรรศนะว่าการแข่งขันระหว่างประเทศมหาอำนาจเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยอดีต
โดยมีบริบทที่แตกต่างกันในแต่ละยุคสมัยการกำหนดทิศทางการต่างประเทศของไทยในปัจจุบัน
เพื่อให้ประเทศไทยสามารถอยู่รอดได้ท่ามกลางการแข่งขันของประเทศมหาอำนาจ
จึงจำเป็นต้องมีความรู้ ข้อมูล และความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับบริบทของการแข่งขันดังกล่าว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องรู้ซึ่งจุดยืนของประเทศเราเองและมีความเข้าใจว่าประเทศมหาอำนาจ
ประสงค์สิ่งใดจากประเทศไทยและจุดยืนของไทยสอดคล้องหรือไม่แล้วควรมีการปรับตัวเช่นไร
รวมทั้งควรมีการบูรณาการท่าทีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
วิทยากรท่านที่สาม นางสาวภาพิศุทธิ์ สายจำปา นักจดหมายเหตุวิชาชีพ ได้ให้ทรรศนะ
เกี่ยวกับความสำคัญของเอกสารประวัติศาสตร์ของกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย
ในฐานะที่เป็นเอกสารจดหมายเหตุที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์สำหรับ
การพัฒนาองค์ความรู้ขององค์กรรวมทั้งการวางแผนกำหนดนโยบายการต่างประเทศ
และเป็นหลักฐานทางกฎหมายในการปกป้องสิทธิประโยชน์ของประเทศไทยและประชาชน
วิทยากรท่านสุดท้าย ดร. สุพรรณวษา โชติกญาณ ถัง อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย
ได้ถอดบทเรียนที่ได้รับจากการศึกษาเอกสารประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการเจรจาจัดทำสนธิสัญญาไมตรี
ที่สยามทำกับประเทศมหาอำนาจในอดีตไว้ ๓ ข้อ บทเรียนข้อแรก คือ ทำให้ทราบบทบาทหน้าที่ของ
กรมสนธิสัญญาและกฎหมายในการร่วมเจรจาจัดทำสนธิสัญญาและการเป็นฝ่ายเลขานุการให้กับ
คณะกรรมการพิจารณาจัดทำสนธิสัญญาต่างๆ ซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน
ร่วมให้มุมมองหลากหลายด้านรวมถึงบทบาทการเป็นผู้เก็บรักษาสนธิสัญญาที่ประเทศไทยเป็นภาคี
บทเรียนบทที่สอง คือ วิวัฒนาการเนื้อหาที่สำคัญของสนธิสัญญาไมตรีฯ ที่ตกทอด
เป็นหลักกฎหมายการค้าระหว่างประเทศในปัจจุบัน อาทิ หลักการปฎิบัติต่างตอบแทน
หลักการปฎิบัติเยี่ยงคนชาติที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่ง หลักการปฎิบัติเสมือนคนชาติ เป็นต้น
และบทเรียนบทที่สาม คือ แนวปฏิบัติการจัดทำสนธิสัญญาในอดีตจนถึงปัจจุบัน
อาทิ ภาษาที่ใช้ในการทำสนธิสัญญาโดย ดร. สุพรรณวษาฯ ชี้ให้เห็นว่าสนธิสัญญาในอดีตบางฉบับ
จะใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษากลาง ในขณะที่การทำสนธิสัญญาในปัจจุบันใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลาง
นอกจากนี้ กรมสนธิสัญญาและกฎหมายยังได้รับความอนุเคราะห์จากกองบรรณสารและห้องสมุด
ในการนำต้นฉบับสนธิสัญญาไมตรี การพาณิชย์ และการเดินเรือที่สยามทำกับประเทศมหาอำนาจในอดีต
มาจัดแสดงนิทรรศการที่บริเวณหน้าห้องนราธิปเพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานเสวนาฯได้ชมต้นฉบับเอกสารประวัติศาสตร์อันมีคุณค่ายิ่งเหล่านั้นด้วย
*******************
รูปภาพประกอบ